วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เกาหลี AUTUMN SUPER CHILL 5วัน 3คืน โดยสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์

เกาหลี AUTUMN SUPER CHILL 5วัน 3คืน โดยสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์


ทัวร์เกาหลี สกีรีสอร์ท บินตรงเชียงใหม่


ทัวร์เกาหลี สกีรีสอร์ท  บินตรงเชียงใหม่ 

โดย  KOREAN AIR 

ออกเดินทางวันที่ 27 – 31 ธันวาคม 2017 //24 – 28 มกราคม 2018



วันที่  1  ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่   เวลา  23.55 น.   เหิรฟ้าสู่ประเทศเกาหลีใต้ โดยสายการบิน KOREAN AIR เที่ยวบินที่ KE668  (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง)

วันที่  2  เวลา 06.50 น.  เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน สาธารณรัฐเกาหลีใต้ เวลาท้องถิ่นเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่งโมง หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว ให้ท่านได้ทำธุระส่วนตัว และเจอไกด์ท้องถิ่น นำท่านเดินทางสู่ เมืองชุนชอน (CHUNCHEON) เมืองนี้ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งทะเลสาบมีทัศนียภาพที่สวยงาม  เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ  

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารเมนู TAKKALBI  จากนั้น ท่านเดินทางสู่ หุบเขาศิลปะโพชอน (Pocheon Art Valley) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดัดแปลงมาจากเหมืองหินแกรนิตเก่า ที่มีลักษณะเป็นหุบเหว โดยนำเอาผลงานศิลปะและประติมากรรมมาสร้างและจัดสรรกันอย่างลงตัว อยู่ไม่ไกลจากกรุงโซลมากนัก ด้วยระยะทางแค่ 60 กิโลเมตรเท่านั้น ทำให้มีบรรยากาศแปลกใหม่ แตกต่างและสวยงาม มีละครซีรี่ย์เข้ามาถ่ายทำกันหลายเรื่อง จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ทำให้ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่นี่กันมากขึ้นเรื่อยๆหนึ่งในไฮไลท์ของที่นี่คือส่วนทะเลสาบที่มีน้ำในสีเขียวมรกต ตั้งอยู่ด้านบนของหุบเขาด้วยความสูง 340 เมตร (รวมนั่งรถรางขึ้นไป) นอกจากนี้ยังมีอะไรน่าสนใจอีกหลายๆอย่าง เช่น เป็นจุดถ่ายทำละครเกาหลีหลายเรื่อง เช่น Moon Lover, พิพิธภัณฑ์ดาราศาสตร์ที่มีหอดูดาวที่น่าสนใจจัดแสดงในห้องโถงจัดนิทรรศการซึ่งมีการแสดงและฉายภาพด้วยระบบ 4D ทำให้เห็นระบบสุริยะจักรวาลในรูปแบบท้องฟ้าจำลอง, พิพิธภัณฑ์จัดแสดงหินแกรนิต, ลานปติมากรรมหินแกรนิต, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ  และร้านขายของที่ระลึก มากมาย  จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ Bears Town Ski Resort ตั้งอยู่ชานเมืองของกรุงโซล เป็นสกีรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่เหมาะแก่การพักผ่อน ที่นี่มี 10 ลานสกี ที่สามารถจุคนได้ถึง 15,200 คน นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำในร่ม, สนามเทนนิส, ลานโบว์ลิ่ง, ซาวน่า, คาราโอเกะ, แคมป์ และสนามเพนท์บอลอีกด้วย

เย็น    รับประทานอาหาร  ณ ภัตตาคาร เมนู SHABU SHABU จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ Bears Town Ski Resort หรือเทียบเท่า พักผ่อนตามอัธยาศัย


วันที่  3  เดินทางสู่ ฟาร์มสตรอเบอร์รี่  ลิ้มรส  สตรอเบอร์รี่ของเกาหลีสดๆ ในบรรยากาศภายในไร่สตรอเบอร์รี่อย่างแท้จริง พบกับวิถีชีวิตชาวไร่สตรอเบอร์รี่ของเกาหลีว่ามีวิธีการปลูกอย่างไร ให้ได้ผลสตรอเบอร์รี่ที่ขนาดใหญ่เป็นพิเศษ หวานหอม และชวนน่ารับประทาน เป็นที่ชื่นชอบของชาวเกาหลีและชาวต่างชาติ และยังเป็นผลไม้ส่งออกของประเทศด้วย ชมวิธีการปลูกการดูแลรักษา สามารถเลือกชิมสตรอเบอร์รี่ได้จากภายในไร่ได้... 


                   เดินทางสู่ สถาบันสอนทำกิมจิ ชมวิธีการทำ กิมจิ เป็นผักดองที่สามารถเก็บไว้ได้นานและเป็นอาหารที่ขึ้นโต๊ะ ชาวเกาหลีทุกมื้อปัจจุบันนี้กิมจิเป็นที่นิยมแพร่หลายเพราะประกอบด้วยแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในการย่อยอาหาร และป้องกันโรค ให้ท่านได้ทดลองทำกิมจิด้วยตัวท่านเอง และสามารถนำกลับมาเป็นของฝากพร้อมกับ  

ฟรี ! ใส่ชุดประจำชาติของเกาหลีใต้ (ฮันบก) และถ่ายภาพเป็นที่ระลึก จากนั้นนำท่านเดินทางสู่  สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ เป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี เป็นที่นิยมของชาว เกาหลีและชาวต่างชาติ เป็นอย่างมาก ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ให้ท่านได้สนุกสนานกับการเล่นเครื่องเล่นต่างๆบริการท่าน ด้วยบัตรเครื่องเล่น UNLIMIT TICKET นอกจากนั้นภายในยังเป็นสวนพฤกษาชาติขนาดใหญ่ ชื่นชมกับสวนไม้ดอก ไม้ประดับที่งดงาม ชมสวนสัตว์ซาฟารี ซึ่งไลเกอร์  สัตว์พันธ์ผสม ระหว่างเสือกับสิงโต ที่มีอายุมากกว่า 13  ปี ชมหมีแสนรู้  และสัตว์อื่นๆอีกมากมายหลายชนิด ช้อปปิ้งของที่ระลึกอย่างจุใจ


เที่ยง     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารเมนู BBQ BUFFET  ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่กรุงโซล  นำท่านสู่ TRICK EYE  MUSEUM แกลอรี่ “เคล็ดลับงานศิลปะแห่งภาพ” แนวคิดรูปแบบใหม่ เพื่อต้องการจะจุดประกายความคิดสร้างสันและจินตนาการของการสร้างภาพ โดยใช้เทคนิคพิเศษจากภาพสามมิติที่รวมทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และการซ้อนภาพกระตุ้นความเคลื่อนไหวของภาพให้มีมิติเหมือนจริง โดยให้ความรู้สึกมีส่วนร่วมกับภาพถ่ายนั้นๆ ในพิพิธภัณฑ์มีภาพงานชิ้นโบว์แดง สนุกกันแบบเต็มๆ กับการแอ็คชั่นท่าทางต่างๆ ที่รูปถ่ายของท่านจะออกมาดูประหนึ่งเหมือนจริงในเหตุการณ์ พร้อมกับเข้าชม ICE MUSEUM เมืองน้ำแข็งที่มีผลงานศิลปะแกะสลักน้ำแข็งกว่า 50 ชิ้น  รวมอยู่ในที่เดียว พร้อมจัดแสดงในแบบที่ไม่ธรรมดา แต่จำลองเป็นเมืองที่ทุกอย่างกลายเป็นน้ำแข็ง! และเอาใจเด็กๆ ด้วยสไลเดอร์น้ำแข็ง และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ให้คุณได้เดินเที่ยวอย่างไม่รู้สึกเบื่อ อาทิ สัมผัสประสบการณ์นั่งรถลากกวางรูดอร์ฟ ทักทายลุงซานต้า โพสท่าคู่กับนกเพนกวินขั้วโลก สำรวจบ้านน้ำแข็งเอสกิโม เยี่ยมชมปราสาทน้ำแข็ง ชมวิวจากบนกำแพงเมือง และลองเข้าพักโรงแรมที่ทุกอย่างทำจากน้ำแข็ง ช้อปปิ้งที่ฮงอิก แหล่งช้อปปิ้งที่อยู่ล้อมรอบไปด้วยมหาวิทยาลัยชื่อดังในเกาหลี สินค้าในย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นสินค้าวัยรุ่นที่ทันสมัยและราคาไม่แพงเช่นเสื้อผ้าที่ออกแบบโดยดีไซด์เนอร์เกาหลีรองเท้ากระเป๋าเครื่องประดับ เครื่องสำอาง และยังมีร้านแบรนด์เนมอยู่ทั่วไปเช่น EVISU, ZARA ทุกวันเสาร์ลานหน้าประตูของมหาวิทยาลัยฮงอิค จะมีผลงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ เช่น เครื่องประดับ ตุ๊กตา เสื้อผ้า และของแฮนด์เมด ที่น่ารักและใช้ความคิดสร้างสรรค์ ของบางอย่างทำมาชิ้นเดียวเพื่อให้ได้เลือกซื้อ บางทีอาจเป็นสินค้าที่มีชิ้นเดียวในโลก
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร บริการ บุฟเฟ่ต์ UNDER THE SEA บุฟเฟ่ต์ SEA FOOD ให้ท่านได้เลือกสรรอาหารทะเลที่สดๆใหม่ และ เทมปุระบุฟเฟ่ต์ และซูชิ หน้าต่างๆมากมาย และ อาหาร นานา ชนิด  พิเศษ!! ขาปู พร้อมเบียร์สดและ เครื่องดื่มหลากหลายชนิด จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าที่พัก  BENIKEA M HOTEL SEOUL 3 ดาว หรือเทียบเท่า (โซล)


เช้าวันที่ 4   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม  จากนั้นนำท่านผ่านชม บลูเฮ้าส์ ทำเนียบของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ปาร์ก กึน เฮ (หมายเหตุ ระหว่างแล่นผ่านไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพหรือวิดีโอใดๆ) จากนั้น อิสระให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับ อนุสาวรีย์รูปนกฟีนิกซ์ สัญลักษณ์ความเป็นอมตะ ชมทัศนียภาพอันสวยงามของภูเขารูปหัวมังกร และวงเวียนน้ำพุนับเป็นจุดที่มีฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดของกรุงโซล  จากนั้น นำท่านชม  พระราชวังเคียงบ็อกคุง ซึ่งเป็นพระราชวังไม้โบราณที่เก่าแก่ที่สุดสร้างขึ้นใน ค.ศ.1394 ในอดีต กว่า 600 ปีก่อน ภายในพระราชวังแห่งนี้มีหมู่พระที่นั่งมากกว่า 200 หลัง แต่ได้ถูกทำลายไปมากในสมัยที่ญี่ปุ่นเข้ามา บุกยึดครองทั้งยังเคยเป็นศูนย์บัญชาการทางการทหาร และเป็นที่ประทับของกษัตริย์  ปัจจุบันได้มีการก่อสร้าง  หมู่พระที่นั่งที่เคยถูกทำลายขึ้นมาใหม่ในตำแหน่งเดิม และพาท่านถ่ายภาพคู่กับพลับพลากลางน้ำ เคียงเฮวร  ที่ซึ่งเคยเป็นท้องพระโรงออกงานสโมสรสันนิบาตต่างๆ สำหรับต้อนรับ แขกบ้านแขกเมือง (หมายเหตุ พระราชวังเคียงบ็อกคุง และพิพิธภัณฑ์คติชนพื้นบ้าน ปิดทุกวันอังคาร นำท่านสู่ GINSENG CENTER ในบรรดาสมุนไพรทั้งหมดในเกาหลี โสม จัดเป็นสมุนไพรที่คนนิยมใช้กันมากที่สุด เพราะเชื่อว่าโสมสามารถรักษาโรคได้สารพัดโรค วงจรการเก็บเกี่ยวโสมใช้เวลาตั้งแต่ 1-6 ปีโสมอายุ 6 ปี ถือได้ว่าเป็นโสมที่มีคุณภาพดีที่สุดในสมัยโบราณโสมถือเป็นของล้ำค้ายิ่งกว่าทองโสมเกาหลี จึงจัดว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล ชมวงจรชีวิตของโสม พร้อมเลือกซื้อโสมคุณภาพดีซึ่งรัฐบาลรับรองใช้บำรุงร่างกายทั้งยังเป็นของฝาก ซึ่งโสมที่นี้มีราคาถูกกว่าเมืองไทย 2 เท่า   จากนั้นนำท่านช้อปปิ้งที่ COSMETIC OUTLET เลือกซื้อเครื่องสำอาง ยี่ห้อดังไม่ว่าจะเป็นเมือกหอยทาก เซรั่มพิษงูครีมน้ำแตก โบท๊อก ครีมล้างหน้า น้ำหอม โรจูคิส พร้อมรับของแถมมากมาย  

เที่ยง      รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร บริการ ซัมเคทัง หรือ ไก่ตุ๋นโสม จากนั้นนำท่านเข้าเลือกสรรสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังที่ DUTY FREE ร้านค้าปลอดภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวของกรุงโซลพบสินค้าหลากชนิดหลายยี่ห้อ อาทิ หลุยส์วิตอง ชาแนล กุชชี่ เฟอร์รากาโม่ พราด้า ลังโคม คลีนิกซ์ เอสเตเลอเดอร์ รวมทั้งสินค้าแบรนด์เนมท้องถิ่นยี่ห้อดัง อาโมเร/ซัลฮวาซู /เฮรา  เครื่องสำอางดังของเกาหลี จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ตลาดเมียงดง (MYEONGDONG MARKET) ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์รวมแฟชั่นชั้น นำของเกาหลีที่นี่มีทั้งห้างสรรพสินค้าล็อตเต้เมโทรมิโดป้าและห้างสรรพสินค้าชินแกและห้างมิลเรโอเร่ซึ่งตั้งอยู่ทั้งใต้ดินและบน ดินขายเครื่องแต่งกายสำเร็จรูปรองเท้า เครื่องใช้ เครื่องประดับและเครื่องสำอางเป็นที่พึงปรารถนาของนักซื้อนักแต่งตัวทั้งหลายตามตรอกด้านหลังจะมีร้านกาแฟและร้านอาหารเพื่อแวะรับประทานอาหารได้  ** อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย **  จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าที่พัก  BENIKEA M HOTEL SEOUL 3 ดาว หรือเทียบเท่า (โซล)





05.00 น.      นำท่านเช็คเอาท์ออกจากที่พัก
เช้า              รับประทานอาหารเช้า ณ ร้านอาหาร บริการ อูด้งจากนั้นนำท่านชม สมุนไพรบำรุงตับเกาหลี ( RAISIN TREE ) สมุนไพรบำรุงตับเกาหลี เป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าสูงและหายาก ซึ่งผ่านการวิจัยมาเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปีสมุนไพรบำรุงตับเกาหลีสกัดมาจากเมล็ดต้นฮ็อดเกและผสมส่วนแกนกลางของโสมบริสุทธิ์ เมล็ดพันธุ์ต้นฮ็อดเก เจริญเติบโตในป่าลึกบนยอดเขาซึ่งปราศจาก มลภาวะใดๆ เมล็ดต้นฮ็อดเก ทางการแพทย์เรียกว่า ผลไม้สีทอง มีรสชาติเปรี้ยว ซึ่งบำรุงตับ ม้าม และปอด สามารถรักษาอาการเมา ร้อนในกระหายน้ำ อาการอาเจียน และท้องผูกทาง การแพทย์แผนปัจจุบันยืนยันว่า เมล็ดต้นฮ็อดเก มีสารโพแทสเซียมไนเนรตซึ่งสามารถลดระดับแอลกอฮอลล์ในเส้นเลือด ซึ่งลดความเสี่ยงที่แอลกอฮอลล์จะทำลายตับ และ ไต ได้ และช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังขับไขมันส่วนเกินและ เอทานอลที่เป็นผลเสียกับตับ ฉะนั้นเมล็ดต้นฮ็อดเกจึงมีสรรพคุณที่วิเศษกับชีวิตของเราทุกคน จากนั้นนำท่านเดินทางไป โซลทาวเวอร์ (SEOUL TOWER)  หรือ หอคอยเอ็นโซล (NSEOUL TOWER) หรือ “นัมซันทาวเวอร์” (NAMSAN TOWER) ตั้งอยู่บนภูเขานัมซาน เป็นจุดท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของกรุงโซล เพราะเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นวิวทั่วทั้งกรุงโซล มีความสูงจากฐานหอคอยประมาณ 236.7 เมตร และมีความสูง 479 เมตรจากพื้นดิน คนที่มาเที่ยวที่นี่ส่วนมากจะเป็นคู่รัก ทั้งชาวเกาหลีและนักท่องเที่ยวต่างชาติ คู่รักส่วนมากจะ เตรียมกุญแจมาคล้องตรงรั้วข้างบนโซลทาวเวอร์ เพราะมีความเชื่อว่าคู่รักที่ได้มาคล้องกุญแจที่นี่จะรักกันยาวนานตลอดไป (สมัยแรกๆ นิยมใช้ลูกกุญแจเล็กๆ เขียนข้อความสัญญารัก และชื่อของคู่รักลงไปในกุญแจ แต่ช่วงปีหลังๆ  มานี้เริ่มมีการพัฒนาอุปกรณ์การคล้องเป็น เคสโทรศัพท์มือถือ, บัตร T-MONEY, โซ่จักรยาน, พลั่ว และอุปกรณ์แปลกๆ อีกหลายอย่างที่คู่รักรุ่นใหม่สามารถคิดได้ และนำมาใช้แทนลูกกุญแจ) 
**ราคาทัวร์นี้ไม่รวมกุญแจและค่าขึ้นลิฟท์**
เที่ยง        รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร บริการ OSAM BULGOGI AT SUPPERMARKET จากนั้นนำท่านเพลิดเพลินกับการแวะซื้อของฝากที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต (ละลายเงินวอน ) สาหร่าย ขนมต่าง ๆช็อกโกแล็ตหิน ซีเรียลช็อกโก ผลิตภัณฑ์ของใบและรากฝอยของโสม ในรูป ขนมโสม ชาโสม โคลนพอกหน้าโสม ครีมล้างหน้าโสม เครื่องสำอางโสม เป็นต้น  และยังมีหมอนสุขภาพ  กิมจิ  เปเปโร (ป๊อกกี้เกาหลี) ชินราเมง (มาม่าเกาหลี) นมกล้วย ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
18.40 น. เหินฟ้ากลับสู่เชียงใหม่  โดยสายการบิน KOREAN AIR  เที่ยวบินที่  KE667  (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง)  
22.40 น.        เดินทางถึงสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ



                                           “ DISCOVER THE COLORFUL WORLD


รายละเอียดเพิ่มคลิก 👇👇
http://www.standardtour.com/outbound.php?id=436#ad-image-0


☎️ 053-820660/053818600
Line ID : @standardtour (อย่าลืมใส่ @ ด้วยนะค่ะ)

Facebook : Standard Tour Thailand 

#รวมทิปไกด์และพนักงานขับรถแล้ว#ทัวร์บินตรงเชียงใหม่#ทัวร์เกาหลีราคาถูก #ServeWithHeartAndSoul










เยอรมนี – ออสเตรีย – สาธารณรัฐเช็ก ปลายปี 2017

เยอรมนี – ออสเตรีย –  สาธารณรัฐเช็ก

วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560

CHILL CHILL NEWYEAR TURKEY 8 DAYS

CHILL CHILL NEWYEAR TURKEY 8 DAYS

    

ตุรีกีเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณที่เรียกว่าเอเชียไมเนอร์หรือ เอเชียน้อยซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างยุโรปกับเอเีชีย ตุรกีมีพื้นที่กว่า 700,000 ตารางกิโลเมตร โดยมีพื้นที่กว่า 97% อยู่ในเขตเอเชีย หากแต่ชนชาวตุรกีมีเชื้อสายและวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ใกล้เคียงกับชาวยุโรป มากกว่า แม้จะได้รับอิทธิพลจากการปกครองของผู้ปกครองชาวมุสลิมก็ตามและตุรกีพยายามขอ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรปหรือ EU มาโดยตลอด จึงอาจกล่าวได้ว่าตุรกีเป็นเป็นประตูสู่ภาคพื้นยุโรปอย่างแท้จริง แหล่งทัวร์ยุโรป ที่ตุรกีที่แรกที่อยากแนะนำคืออิสตันบลูที่เป็นเมืองเอกของประเทศ เคยเป็นเมืองหลวงของ 2 อาณาจักรโบราณคือ อาณาจักรไบเซนไทน์หรือโรมันตะวันออก และจักรวรรดิ์ออตโตมาน โดยชื่อเดิมของอิสตันบลูสมัยไบเซนไทน์คือคอนสแตนติโนเปิ้ล ด้วยความที่เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางการเมืองและการค้ามาแต่โบราณ ทำให้ปัจจุบันอิสตันบลูกลายเป็นเมืองเอกที่อุดมไปด้วยความเจริญทางวัตถุและ วัฒนธรรมของตุรกีที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายเช่น สุเหร่าสีน้ำเงิน หรือมหาวิหารโซเพีย ฯลฯ นอกจากยังมีชายฝั่งที่ติดกับทะเลดำและทะเลเมดิเตอเรเนียนที่แสนสวยงามและมี ชื่อเสียงอีกด้วย


เราจึงขอนำเสนอ ทัวร์ประเทศตุรกี ช่วงปีใหม่นี้ออกเดินทาง วันที่ 30 ธันวาคม 2560 - 6 มกราคม 2561 ราคาเพียงท่านละ 38,999 บาทเท่านั้น

วันแรก         สนามบินสุวรรณภูมิ                                                                                     


21.00 น.                คณะผู้เดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น4 เคาน์เตอร์ Q แถว 14-20 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน





00.50 น.                เหิรฟ้าสู่ นครอิสตันบูล เมืองหลวงออตโตมันของประเทศตุรกี ดินแดนแห่งนี้ร่ำรวยพรั่งพร้อมไปด้วยประวัติศาตร์ สิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่อลังการมากมาย โดย สายการบิน อียิปต์แอร์เที่ยวบินที่ MS961
06.00 น.                เดินทางถึงสนามบิน ณ กรุงไคโร แวะเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อไปยัง นครอิสตันบูล (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง โดยประมาณซึ่งเป็นเวลาต่อเครื่องมาตราฐาน)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
09.35 น.                 เหิรฟ้าสู่ กรุงอิสตันบูล โดยสายการบิน อียิปต์ แอร์ เที่ยวบินที่  MS737                          
13.00 น.                    เดินทางถึง สนามบินนานาชาติ อตาเติร์ก กรุงอิสตันบูล หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
จากนั้นนำท่าน ข้ามช่องแคบคาดาแนลด์โดยเรือเฟอร์รี่ (ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) และนำท่านเดินทางสู่ เมืองชานัคคาเล่ (Canakkale) ตั้งอยู่บนทะเลมาร์มาราและทะเลอีเจียน เมืองแห่งนี้จึงเคยเป็นชุมทางการค้า ศูนย์กลางการเดินเรือเชื่อมต่อเอเชียกับยุโรป นำท่านสู่ กรุงทรอย เพื่อชม ม้าไม้จำลองเมืองทรอย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้กรุงทรอยแตก สงครามม้าไม้ เป็นสงครามที่สำคัญตำนานของกรีก และเป็นสงครามระหว่างกองทัพของชาวกรีกและกรุงทรอยหลังจากสู้รบกันเป็นเวลาสิบปี กองทัพกรีกก็ได้คิดแผนการที่จะตีกรุงทรอย โดยการสร้างม้าไม้จำลองขนาดยักษ์ ที่เรียกว่าม้าไม้เมืองทรอย โดยทหารกรีกได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในม้าโทรจัน แล้วก็ทำการเข็นไปไว้หน้ากรุงทรอย เหมือนเป็นของขวัญและสัญลักษณ์ว่าชาวกรีกยอมแพ้สงคราม และได้ถอยทัพออกห่างจากเมืองทรอย ชาวทรอยเมื่อเห็นม้าโทรจัน ก็ต่างยินดีว่ากองทัพกรีกได้ถอยทัพไปแล้ว ก็ทำการเข็นม้าโทรจันเข้ามาในเมือง แล้วทำการเฉลิมฉลองเป็นการใหญ่ เมื่อชาวทรอยนอนหลับกันหมด ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ ก็ออกมาจากม้าโทรจัน แล้วทำการเปิดประตูเมืองให้กองทัพกรีกเข้ามาในเมือง แล้วก็สามารถยึดเมืองทรอยได้ ก่อนที่จะทำการเผาเมืองทรอยทิ้ง  ซึ่งม้าตัวนี้ เป็นม้าที่ วอร์นอร์ บราเดอร์ส มอบให้เป็นของขวัญแก่เมืองชานัคคาเล หลังจากที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Troy จบแล้ว จากนั้นนำท่านเข้าสู่เมือง AYAVALIK ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.40 ชั่วโมง
ค่ำ          บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่ที่พัก AYVALIK HOTEL หรือเทียบเท่า (ชานัคคาเล่)



วันที่สาม      ชานัคคาเล่–เพอร์กามัม-คูซาดาซี–บ้านพระแม่มารี-วิหารเทพีอาร์เทมิส  


เช้า           บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองเพอร์กามัม (Pergamum) แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมกรีกโบราณที่สำคัญแห่ง ตั้งอยู่ในบริเวณอะนาโตเลียห่างจากทะเลอีเจียนประมาณ 30 กม.ทางด้านเหนือของแม่น้ำไคซูส ซึ่งเป็นเมืองโบราณของกรีกที่มีความสำคัญของชาวเฮเลนนิสติก ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ วิหารอะโครโปลิส ซึ่งเป็นที่ขนานนามถึงประหนึ่งดังดินในสรวงสวรรค์ และต่อจากนั้นไปข้างในจะเป็นบริเวณวิหารเทพเจ้าซุส(เซอุส) ปัจจุบันนี้เหลือแต่ส่วนฐานเท่านั้น แท่นบูชาถูกนำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์เพอร์กามัมที่กรุงเบอร์ลิน
กลางวัน   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำท่านเข้าชม House of  Virgin Mary บ้านพระแม่มารี  ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ชม วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ สร้างด้วยหินอ่อนเป็นสถาปัตยกรรมกรีกแบบไอโอนิค และมีเสาหินตั้งตระหง่านรอบวิหารมากกว่า 100 ต้น ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้
ค่ำ             บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเข้าสู่ที่พัก GRAND BELISH HOTEL หรือเทียบเท่า (คูซาดาซี)



วันที่สี่           คูซาดาซึ–เมืองโบราณเอฟฟิซุส–เมืองปามุคคาเล่–ปราสาทปุยฝ้าย–เมืองเฮียราโพลิส
                                                          
                                                  
เช้า         บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม  จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณเอฟฟิซุส เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Ionia) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุส ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบัน นำท่านชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้, ห้องสมุดโบราณ ที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบ เฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและฝีมือประณีต
กลางวัน   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังจากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง (189 กม.) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา นำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก ท่านจะได้สัมผัส เมืองเฮียราโพลิส (Hierapolis) เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อน ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรค เมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลง เหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไป บางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไร เช่น โรงละคร แอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ เป็นต้น
ค่ำ          บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
 นำท่านเข้าสู่ที่พัก LYCUS RIVER HOTEL หรือเทียบเท่า (ปามุคคาเล่)
หมายเหตุ    โรงแรมมีบริการสระว่ายน้ำซึ่งเป็นน้ำแร่ธรรมชาติ หากท่านใดต้องการแช่น้ำแร่ ให้เตรียมชุดว่ายน้ำไปด้วย



วันที่ห้า        เมืองปามุคคาเล่–เมืองคอนย่า–พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า–คัปปาโดเกีย–นครใต้ดิน - ระบำหน้าท้อง                                                                                                     

เช้า           บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า (Konya) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก ระยะทาง 387  กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ระหว่างทางแวะชม Caravansarai ที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน
กลางวัน   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร นำทุกท่านสู่ พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า (Mevlana museum) เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟลาน่า เจลาลุคดิน รูมี่ อาจารย์ทางปรัชญาประจำราชสำนักแห่งสุลต่านอาเลดิน เคย์โคบาท ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา และบุตร ของเมฟลาน่าด้วย
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ระยะทาง 215 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ  2 ชั่วโมง 30 นาที นำทุกท่านสู่ นครใต้ดิน (Underground City of Derinkuyu or Kaymakli) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกเป็นมรดกโลก เมืองใต้ดินของตุรกีมีอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีอุโมงค์เชื่อมต่อถึงกัน เป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมัน ที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ สำหรับที่เราไปชมวันนี้เป็นเมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ มีถึง 10 ชั้น แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้อง ๆ มีทั้งห้องครัว ห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำ และระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึก และทางเดินบางช่วงค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้
ค่ำ             บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชมการแสดงพื้นเมือง “ระบำหน้าท้อง” หรือ  Belly Dance เป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่ง เกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า ชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึง ปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลาย มีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน (บริการเครื่องดื่มฟรีตลอดการแสดง)
นำท่านเข้าสู่ที่พัก BURCU KAYA HOTEL หรือเทียบเท่า (คัปปาโดเกีย)



วันที่หก คัปปาโดเกีย–พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง (เมืองเกอเรเม)–หุบเขาอุซิซาร์-เมืองอังการ่า                                                                                                                                                                                             

** สำหรับท่านใดที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความงามของเมืองคัปปาโดเจีย จะต้องออกจากโรงแรม 05.30 น. เพื่อชมความงดงามของเมืองคัปปาโดเจียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาอยู่บอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง **
(ค่าขึ้นบอลลูนไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์ประมาณ 210-250 USD)
เช้า           บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำทุกท่านเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ที่ เมืองเกอเรเม (Goreme) ซึ่งยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์
จากนั้นนำท่านชม หุบเขาอุซิซาร์ (Uchisar Valley) หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย และถ้ามองดี ๆ จะรู้ว่าอุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุซิซาร์ ก็มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูป พาซาแบค (Pasabag) กลุ่มภูเขาหินลักษณะเป็นรูปกรวยมองดูคล้ายมีหมวกวางอยู่ข้างบนสวยงามแปลกตาไม่มีที่ใดเหมือน จุดเด่นคือ ภูเขา 2 ปล่องไฟ สมญา Hermitage of St.Simon ที่พำนักของบาทหลวงไซมอนเมื่อ 1,500 ปีมาแล้ว ซึ่งเดินทางมาจากยูซาเลม เพื่อปลีกวิเวก แสวงหาที่ปฏิบัติธรรม และเป็นที่นิยมของพระองค์อื่นๆต่อมา บางครั้งจึงเรียกกันว่า The Valley of the Monks แวะถ่ายรูป เดอร์เบนท์ (Derbent) หุบเขาหินสีชมพู ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ปรุงแต่งหินที่นี่เป็นรูปร่างต่างๆ เช่น โลมา เพนกวิน พระแม่มารีและพระสาวก ที่สำคัญและโดดเด่นคือหินรูปอูฐหมอบอยู่มีขนาดใหญ่สีชมพูเหมือนอูฐของจริงเป็นอย่างมาก จึงเป็นจุดที่ทุกคนจะต้องมาแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก จากนั้นนำท่านแวะ ชมโรงงานทอพรม  โรงงานเซรามิค  อิสระกับการเลือกซื้อสินค้า และของที่ระลึก
กลางวัน   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เดินทางสู่ เมืองอังการ่า เมืองหลวงของประเทศตุรกี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ระหว่างทางให้ท่านได้แวะถ่ายรูปและชมวิวของ ทะเลสาบเกลือ (Salt Lake) จากนั้นนำทุกท่านเดินทางต่อสู่ เมืองอังการ่า หรือที่มีชื่อตามประวัติศาสตร์ว่า Angora เป็นเมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน และเป็นเมืองใหญ่อันดับ ๒  รองจากนครอิสตันบูล กรุงอังการาตั้งอยู่ในเขต Central Anatolia  ใจกลางประเทศตุรกีบนที่ราบสูงอนาโตเลีย โดยอยู่ห่างจากนครอิสตันบูลทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะทางประมาณ 450 กิโลเมตร กรุงอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการต่าง ๆ และสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่าง ๆ ในตุรกี ความสำคัญของกรุงอังการา กรุงอังการามีประชากรจำนวน 4,965,542  คน ทำให้กรุงอังการาเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ ๒ ของตุรกี และอันดับ ๒ ในกลุ่มเมืองหลวงยุโรป ในขณะที่นครอิสตันบูลเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาคมาร์มารานั้น กรุงอังการาก็เป็นศูนย์กลางทางการค้าและเครือข่ายคมนาคมในภูมิภาคอนาโตเลีย โดยเป็นจุดตัดของการคมนาคมทางบก (รถยนต์และรถไฟ) ที่เชื่อมโยงภูมิภาคต่าง ๆ ของตุรกีเข้าด้วยกัน และเป็นศูนย์กลางตลาดสินค้าเกษตรที่ขนส่งมาจากภาคต่างๆ ทั่วตุรกีด้วย 
ค่ำ             บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเข้าสู่ที่พัก BERA HOTEL ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า (อังการ่า)



วันที่เจ็ด            เมืองแองการ่า–ฮิปโปโดรม-มัสยิดสีน้ำเงิน–สุเหร่าเซนต์โซเฟีย-อิสตันบูล-ไคโร                 
                                                                                                                                                                 

เช้า           บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำทุกท่านเดินทางต่อสู่ กรุงอิสตันบูล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. (ระยะทาง 450 กม.)
กลางวัน   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำทุกท่านสู่ จัตุรัสสุลต่านอะห์เมตหรือ ฮิปโปโดรม สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุสเซเวรุสเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนตินฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธีแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์3 ต้น คือเสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูลเสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7 จากนั้นไม่ไกลนำทุกท่านชม Blue Mosque หรือ Sultan Ahmet Mosqueถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ Sultan Ahmed นั้นเอง
จากนั้นนำทุกท่านชม สุเหร่าเซนต์โซเฟีย(Saint Sophia)หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์พระเจ้าจักรพรรดิคอนสแตนติน เป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้งเพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลามจวบจนถึงรัชสมัยของ  พระเจ้าจัสตินเนียนมีอำนาจเหนือตุรกีจึงได้สร้าง โบสถ์เซนต์โซเฟีย ขึ้นใหม่ ใช้เวลาสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี ตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1996 (ค.ศ 1435) พระองค์ต้องการให้เป็นสิ่งสวยงามที่สุดได้พยายามหา สิ่งของมีค่าต่างๆมาประดับไว้มากมาย สร้างเสร็จได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่าง มโหฬารต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้แตกร้าวต้องให้ช่างซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิมเมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัย พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 2 มีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามจึงได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ให้เป็นสุเหร่าของชาวอิสลาม
ได้เวลาอันสมควรนำทุกท่านเดินทางสู่สนามบิน
18.15 น.               เหิรฟ้าสู่ กรุงไคโร โดยสายการบินอียิปต์ แอร์ เที่ยวบินที่  MS736
19.25 น.                เดินทางถึง กรุงไคโร นำท่านเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ
23.20 น.               เหิรฟ้าสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบินอียิปต์ แอร์ เที่ยวบินที่ MS 960      


วันที่แปด           สนามบินสุวรรณภูมิ                                                                                                                          


12.40 น.      คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ด้วยความสวัสดิภาพและความประทับใจ


รายละเอียดเพิ่มคลิก 👇👇
http://www.standardtour.com/outbound.php?id=424#ad-image-0
☎️ 053-820660/053818600
Line ID : @standardtour (อย่าลืมใส่ @ ด้วยนะค่ะ)
😊 Serve With Heart And Soul 😊
😍 Discover The Colorful World 😍


วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ทัวร์พม่า บินตรงเชียงใหม่ ราคาประหยัด


บินตรงเชียงใหม่ 

ออกเดินทางวันที่ 30 พ.ย. – 03 ธ.ค. // 21 – 24 ธ.ค. 2560 



วันที่ 1 ออกเดินทางสู่กรุงย่างกุ้ง โดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ PG723 (มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)  เวลา 12.55 น.  เดินทางถึง สนามบินมิงกาลาดง กรุงย่างกุ้ง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อย แล้ว (เวลาท้องถิ่นที่เมียนมาร์ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง) 
ช่วงบ่าย  แม่น้ำสะโตง หรือ แม่น้ำซิตอง  เป็นแม่น้ำในประเทศพม่ามีความยาว 420 กิโลเมตร เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเขตหงสาวดีกับรัฐมอญ  แม่น้ำสะโตงเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ความกว้างจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งอาจกว้างได้ถึง 3 กิโลเมตร มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จหลบหนีกองทัพพม่าของพระมหาอุปราชมังสามเกียด พระองค์ได้หลบหนีข้ามพ้นมาและได้แสดงวีรกรรมยิงพระแสงปืนข้ามลำน้ำสะโตง คือ ยิงปืนคาบศิลาจากอีกฝั่งของแม่น้ำถูกแม่ทัพพม่า ชื่อ สุรกรรมา เสียชีวิตคาคอช้าง เมื่อปี พ.ศ. 2127 ซึ่งต่อมาพระแสงปืนกระบอกนี้ได้ถูกขนามนามว่า "พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง


ช่วงค่ำ  หลังอาหารเย็นเชิญท่านไปสักการะพระธาตุ ตามอัธยาศัย นมัสการ เทพทันใจพระธาตุอินทร์แขวน ซึ่งเป็น นักพรตที่มีความศักดิ์สิทธ์อีกแห่งหนึ่ง ท่านสามารถนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ได้ตลอดคืน ถ้าจะสักการะกลางแจ้งเป็นเวลานานบริเวณระเบียงที่ยื่นสู่พระเจดีย์ไจ้โท  ควรเตรียมเสื้อกันหนาว  หรือกันลม หรือผ้าห่ม ผ้าพันคอ เบาะรองนั่งเพราะพื้นที่นั่งมีความเย็นมาก พระเจดีย์องค์นี้เปิดตลอดคืน  พระธาตุอินทร์แขวนนี้ เป็นที่มาและแรงบันดาลใจของกวีซีไรส์ ปี พุทธศักราช 2534 มาลา คำจันทร์ ที่แต่งวรรณกรรม เรื่อง “เจ้าจันท์ผมหอม   นิราศพระธาตุอินทร์แขวน” 

วันที่ 2 เช้าตรู่ เชิญท่านสักการะ พระธาตุอินทร์แขวน ท่านจะพบกับบรรยากาศยามเช้าที่สดชื่นทิวทัศน์งดงาม พิสูจน์ความมหัศจรรย์ว่าพระธาตุองค์นี้ตั้งอยู่ได้อย่างไร โดยไม่ล้มหรือหล่นลงมาการที่ก้อนหินสีทองวางหมิ่นเหม่บนหน้าผามานานนับพันปี โดยเฉพาะเมื่อมองจากด้านล่างขึ้นไปก็ดูคล้ายกับลอยอยู่เหนือหน้าผา ราวกับพระอินทร์นำไปแขวนไว้กลางอากาศนับเป็นอัศจรรย์เจดีย์   



หลังจากสักการะพระธาตุอินแขวน อันศักดิ์เสร็จแล้ว ออกเดินทางสู่ หงสาวดี  นำท่านสักการะ พระเจดีย์ชเวมอดอว์ เจดีย์นี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์แห่งหงสาวดี และนับเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า คนไทยนิยมเรียกว่า “ พระธาตุมุเตา ” ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งครั้งก่อนเป็น สถานที่ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ ก่อนออกศึกของบูรพกษัตริย์ ในสมัยโบราณกาล ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์มอญหรือพม่า รวมทั้ง พระเจ้าบุเรงนอง ด้วย และเมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระนางสุพรรณกัลยา ทรงประทับอยู่ในหงสาวดี ก็เคย เสด็จมานมัสการพระเจดีย์องค์นี้ ยังเคยผ่านการพังทลายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้วถึง 4 ครั้ง ทำให้ปลียอดของเจดีย์องค์นี้หักพังลงมา แต่ด้วยความศรัทธาที่ชาวเมืองมีต่อเจดีย์องค์นี้ จึงได้ทำการสร้าง เจดีย์ชเวมอดอว์ ขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ.2497 ด้วยความสูงถึง 374 ฟุต (ตอนแรกที่สร้างสูง 70 ฟุต) นับเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า ส่วนปลียอดที่พังลงมาก็ได้ตั้งไหว้ที่มุมหนึ่งขององค์เจดีย์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาควบคู่ไปกับเจดีย์องค์ปัจจุบัน  ท่านจะได้นมัสการ ณ จุดอธิษฐานอันศักดิ์สิทธิ์และสามารถนำธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมาเพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งเปรียบเหมือนดั่งค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป    


            จากนั้นนำท่านชม พระราชวังบุเรงนอง  สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2109 เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางการปกครองและใช้ออกว่าราชการ ปี พ.ศ. 2142 ในสมัยพระเจ้านันทบุเรง ซึ่งพระราชวังเดิมนั้นเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์และถูกจับเป็นตัวประกัน มีการค้นพบเสาและกำแพงเดิมที่ถูกฝังอยู่ในดิน รัฐบาลพม่าจึงได้ทำการขุดค้นและสร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นมาใหม่ โดยถอดแบบจากของเดิม ซึ่งพระตำหนักที่ประทับบรรทมสีทองเหลือง อร่ามที่ดูโดดเด่นชวนมองในรูปแบบสถาปัตยกรรมพม่า และท้องพระโรงที่ใช้ออกว่าการก็ดูโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมพม่าสีทองเหลืองอร่ามทั้งภายนอกและภายใน   



   
     
     เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารเมืองหงสาวดี  (กุ้งแม่น้ำย่าง )   นำท่านสักการะ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว เป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่า มีความยาว 60 เมตร สูง 17 เมตร สร้างขึ้นโดยพระเจ้ามิคทิปปะ ใน พ.ศ. 1537 ในสมัยมอญเรืองอำนาจ มีพุทธลักษณะงดงาม โดยจะวางพระบาทเหลื่อมพระบาท ต่างจากพระพุทธไสยาสน์ของไทยที่นิยมวางพระบาทเสมอกันด้านหลังพระองค์มีภาพวาดที่สวยงาม เมื่อครั้งก่อนพระพุธรูปองค์นี้ถูกปล่อยให้ทรุดโทรมจนกลายเป็นเพียงกองอิฐท่ามกลางป่ารก จนถึงปี พ.ศ. 2424 เมื่ออังกฤษสร้างทางรถไฟสายพม่า จึงได้พบพระนอนองค์นี้ จากนั้นในปี พ.ศ. 2491 หลังพม่าได้รับเอกราชก็มีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ โดยทาสีและปิดทองใหม่ จนกลายเป็นพระพุทธรูปที่สวยงามในปัจจุบัน   อีกทั้งยังสามารถเลือกซื้อของฝาก อาทิ ไม้แกะสลัก ไม้จันทร์หอม  ผ้าปักพื้นเมือง ผ้าพิมพ์เป็นรูปต่างๆ   
   



จากนั้นนำท่านชม เจดีย์ไจ๊ปุ่น ซึ่งมีอายุมากกว่า 500 ปี เป็นพระพุธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ ที่มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะแบบมอญ ประกอบ ด้วย พระสมณะโคดม (ทิศเหนือ), พระโกนาคม (ทิศใต้), พระกกุสันโธ (ทิศตะวันออก) และ พระมหากัสสปะ (ทิศตะวันตก) สร้างโดยสี่สาวพี่น้องที่อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาสร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และสาบานตนไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ ซึ่งมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งได้เกิดพังทลายและได้มีการบูรณะใหม่ทำให้พระพุทธรูปองค์นี้มีลักษณะสวยงามแตกต่างไปจากองค์อื่นๆ



          วันที่ 3 นำท่านเดินทางสู่สิเรียม อยู่ห่างจากย่างกุ้งประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงเมืองสิเรียม นำท่านลงเรือไป ชมเจดีย์เยเลพญา เจดีย์นี้สร้างขึ้นบนเกาะกลางน้ำ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ เจดีย์กลางน้ำ ”  นำท่านนมัสการพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิเก่าแก่ที่ประดิษฐานบนบัลลังก์ไม้แกะสลักปิดทองคำเปลวที่งดงาม มีอายุนับพันปี ซึ่งเป็นที่สักการะบูชาของชาวพม่าและชาวต่างชาติ ได้เวลาอันสมควรลงเรือกลับและต่อรถปรับอากาศเดินทางกลับย่างกุ้ง    

       หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้ว (ทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร)   นำท่านเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองที่ตลาด “สก๊อตมาร์เก็ต” ซึ่งสร้างเมื่อครั้งพม่ายังคงเป็นอาณานิคมของประเทศ อังกฤษ ให้ท่านได้เลือกชมและเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกพื้นเมืองมากมายในราคาถูก เช่น ไม้แกะสลัก พระพุทธรูปไม้หอมแกะสลัก แป้งทานาคา ผ้าปักพื้นเมือง เครื่องเงิน ไข่มุก และหยกพม่า      


        จากนั้นนำท่านสักการะ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระมหาเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองพม่า เป็นเจดีย์ทองคำที่งดงาม ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางเมืองย่างกุ้ง มีความสูง 109 เมตร ประดับด้วยเพชร 544 เม็ด ทับทิม นิล และบุษราคัมอีก 2,317 เม็ด  มหาเจดีย์ชเว  ดากองมีทองคำโอบหุ้มอยู่น้ำหนักถึง 1,100 กิโลกรัม โดยช่างชาวพม่าจะใช้ทองคำแท้ตีเป็นแผ่นปิดองค์เจดีย์ไว้รอบ ว่ากันว่าทองคำที่ใช้ในการก่อสร้างและซ่อมแซมพระมหาเจดีย์แห่งนี้มากมายมหาศาลกว่าทองคำที่เก็บอยู่ในธนาคารชาติอังกฤษเสียอีก  รอบๆฐานพระมหาเจดีย์รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กๆ นับร้อยองค์ มีซุ้มประตูสี่ด้าน ยอดฉัตรองค์พระมหาเจดีย์ประกอบด้วยเพชรและพลอยมากมาย ภายในองค์พระมหาเจดีย์ได้บรรจุเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น เป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีมะเมีย และยังเป็น 1ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของพม่า ซึ่งมีทั้งผู้คนชาวพม่า และชาวต่างชาติพากันสักการะทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างไม่ขาดสาย ณ ที่แห่งนี้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นความงามของวิหารทิศที่ทำเป็นศาลาโถงครอบด้วยหลังคาทรงปราสาทซ้อนเป็นชั้นๆ ที่เรียกว่า พยาธาตุ รายรอบองค์พระเจดีย์ ภายในประดิษฐานพระประธานสำหรับให้ประชาชนมากราบไหว้บูชา



            ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ  ณ ภัตตาคาร (เป็ดปักกิ่ง + สลัดกุ้งมังกร) (มื้อที่7)นำคณะเข้าสู่ที่พักVINTAGE LUXURY YACHT HOTEL หรือเทียบเท่า  
          วันที่ 4   นำท่านนมัสการ  เจดีย์โบตะทาวน์   ซึ่งโบตะทาวน์ แปลว่า เจดีย์นายทหาร 1,000 นาย ได้สร้างเจดีย์โบตะทาวน์นี้และทรงนำพระเกศธาตุ ไว้ 1 เส้น ก่อนที่จะนำไปบรรจุที่เจดีย์ชเวดากองและเจดีย์สำคัญอื่นๆ เมื่อเดินเข้าไปในเจดีย์สามารถมองเห็นพระเกศาธาตุได้อย่างใกล้ชิด  นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าชมภายในบริเวณรอบๆเจดีย์ คือ พระพุธรูปทองคำประดิษฐานในวิหารด้านขวามือ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีลักษณะงดงามยิ่งนัก ตามประวัติว่าเคยประดิษฐานอยู่ในพระราชวังมัณฑะเลย์ ครั้งเมื่อพม่าตกเป็นอาณานิคมอังกฤษในปี พ.ศ. 2428 ถูกเคลื่อนย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์กัลป์กัตตาในอินเดีย ทำให้รอดพ้นจากระเบิดของฝ่ายพันธมิตรที่ถล่มพระราชวังมัณฑะเลย์ ต่อมาในปี 2488 พระพุทธรูปองค์นี้ถูก จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์วิกตอเรียและแอลเบิร์ต  และด้านซ้ายมือจะเป็นรูปปั้น นัตโบโบยี หรือ เทพทันใจ ซึ่งชาวพม่ารวมถึงชาวไทยนิยมไปกราบไหว้บูชา ด้วยที่เชื่อว่าเมื่ออธิษฐานสิ่งใดแล้วจะสมปรารถนาทันใจ 


   จากนั้นนำท่าน สักการะ เทพกระซิบ “ อะมาดอว์เมี๊ยะ ” ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว  การบูชานั้นจะต้องกระซิบขอพรที่ข้างหูเบาๆ และบูชาด้วยมะพร้าว  กล้วยนากที่เขาจัดไว้เป็นชุดแล้ว นอกจากนี้ยังนิยมบูชาด้วยน้ำนม และข้าวตอก รวมทั้งดอกไม้  ซึ่งมักจะเป็นดอกมหาหงส์ ที่คนพม่านิยมใช้บูชาพระกันทั่วไป  นำท่านชม วัดพระหินอ่อน  ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหินอ่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพม่า  นำท่านชม ช้างเผือก ที่เป็นช้างคู่บ้านคู่เมืองของพม่า มีสีขาวเผือกตลอดทั้งตัวถูกต้องตาม คชลักษณะของช้างเผือกทุกประการ    สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่สนามบินย่างกุ้ง เพื่อเดินทางกลับเชียงใหม่ 

15.05 น.  คณะเดินทางถึงท่าอากาศนานาชาติเชียงใหม่ โดยสวัสดิภาพ พร้อมด้วยความประทับใจ   


อัตรานี้รวม       
  
1.    ค่าตั๋วเครื่องบินสายการบินบางกอกแอร์เวย์ (PG) ไป – กลับ ตามรายการ และรวมค่าภาษีน้ำมัน (อาจ มีการเปลี่ยนแปลง)
2.    ค่ารถนำเที่ยวและค่าที่พัก, ค่าอาหารตามรายการ
3.    ไกด์และค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่
4.    มีประกันอุบัติเหตุการเดินทาง (Personal  Accident) วงเงินท่านละ  1,000,000  บาท
5.    ฟรี ! กระเป๋าเป้ Standard Tour 1ใบ /ท่าน
6.    ค่าทิปไกด์และคนขับรถ

อัตรานี้ไม่รวม

1.    ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% (ในกรณีที่ท่านต้องการใบเสร็จกำกับภาษี)
2.    ค่ามินิบาร์ในห้องพัก และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือรายการที่ระบุ
3.    ค่าน้ำหนักกระเป๋าเกิน 20 กิโลกรัม/ท่าน


รายละเอียดเพิ่มคลิก 👇👇
http://www.standardtour.com/outbound.php?id=423#ad-image-0

☎️ 053-820660/053818600
Line ID : @standardtour (อย่าลืมใส่ @ ด้วยนะค่ะ)


SPRING in KOREA เที่ยวเกาหลีฤดูใบไม้ผลิ 5 วัน 3 คืน

เที่ยวเกาหลี กรุงโซล เกาะนามิ สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ ช้อปปิ้งย่านเมียงดง 5 วัน 3 คืน เพียง 29,999 บาท บินตรงเชียงใหม่สายการบิน  KOREAN...